fbpx

เคล็ดลับพ่อแม่เอาอยู่
‘เมื่อลูกดื้อต่อต้าน เอาแต่ใจ….’
😂ความดื้อต่อต้าน ของเด็ก คือ พัฒนาการปกติตามวัย 6 ขวบปีแรก!!!!
😂ความดื้อต่อต้าน ไม่ใช่เรื่องไม่ดีนะคะ
มันเป็นสัญญาณ แห่ง #พัฒนาการทางด้านจิตใจ ว่า ลูกมีความคิดเป็นของตัวเอง ตัดสินใจเองได้ จึงมีการทดสอบพลังกับพ่อแม่บ้าง555 ( เหรอ!!!!)
😂และสมองเด็ก 6 ขวบปีแรก สมองซีกขวาทำงานเด่นกว่า คือ #สมองทำงานด้านอารมณ์เด่นกว่าด้านเหตุผลด้วย 😭
👩‍⚕️เราในฐานะ พ่อแม่ ควรรู้พัฒนาการตามวัยของลูก เพื่อ เสริมบางจุดที่ลูกต้องการพัฒนา และ เตรียมวิธีรับมือกับพัฒนาการบางอย่าง เช่น การดื้อ (พูดแล้วเพลียแทน!)
👩‍⚕️หลายคน มักจะ #เอาลูกตัวเองไปเปรียบเทียบกับเด็กอื่นซึ่ง ‘ไม่ควรทำ ‘ เพราะไม่เกิดประโยชน์ค่ะ เนื่องจาก #เด็กแต่ละคนแตกต่างกัน
ตั้งแต่เด็กเค้าเกิดมาแล้ว เค้าเลือกมาเองแล้ว ว่า เค้าจะเป็น #เด็กเลี้ยงง่าย (easy child)
#เด็กเลี้ยงยาก (difficult child ) หรือ
#เด็กปรับตัวช้า (slow to warm up) ซึ่งไม่มีแบบไหนดีหรือไม่ดี
แค่ มีจุดเด่นหรือจุดที่ต้องช่วยประคับประคองกันต่อไป
👩‍⚕️หมอขอแบ่ง วิธีรับมือ ลูกดื้อเอาแต่ใจ
ตามช่วงอายุนะคะ เนื่องจากพัฒนาการแต่ละวัยเค้าแตกต่างกัน
✔️เด็กอายุ ต่ำกว่า 1 ปี : เด็กยังไม่เข้าใจ ภาษาพูด และก็ยังพูดไม่ได้ วัยนี้ไม่ควรพร่ำสอน หรือ ใช้วิธีลงโทษลูกแบบรุนแรงซึ่ง ‘ไม่ดีและไม่มีประโยชน์’ แค่ #เบี่ยงเบนความสนใจลูกก็เพียงพอค่ะ เช่น ลูกกำลังกรี๊ดไม่ได้ดั่งใจ เราก็แค่ชวนเล่นของเล่น (เบี่ยงเบนมาหาของที่ลูกดูสนุกมากกว่าและสนใจมากกว่า)
✔️เด็ก2-3 ปี : วัยนี้ เริ่มเข้าใจภาษามากขึ้น พูดได้มากขึ้น แต่ยังไม่ทั้งหมด ทำให้ มันเก้ๆกังๆ จึงเกิดเป็น #วัยทอง2ขวบ หรือ Terrible two
รับมือด้วย #ความเข้าใจ #ใจเย็น #เทคนิคเบี่ยงเบนความสนใจ #พาลูกไปปล่อยพลังอย่างน้อย 3 ชั่วโมง/วัน
……..สำคัญที่สุด ‘ ไม่ควรพูดคำว่า #ห้าม #อย่า #ไม่ เพราะลูกจะยิ่งต่อต้าน พยายาม ค่อยๆบอกให้เค้าทำด้วยคำพูดเชิงบวก
……..หรือ ถ้าลองเบี่ยงเบนความสนใจแล้วไม่ได้ผล ลองทำเทคนิคเพิกเฉยได้ค่ะ
✔️กลุ่มเด็ก3-6 ปี : วัยนี้เข้าใจภาษาทั้งหมด ชอบเลียนแบบ ชอบพูดต่อต้าน
ชอบพูดว่า’ไม่ ‘หลายๆคนใช้วิธี Time out มาแล้ว รู้สึกไม่ได้ผล. ….และตอนนี้ ทั้งนักจิตวิทยาเด็กและกุมารแพทย์ ก็ ‘ไม่แนะนำ วิธี Time out’เป็นวิธแรก ที่จะใช้กับลูก
วิธีรับมือ ที่เหมาะสม สำหรับลูกวัย 3-6 ปี ที่ดื้อต่อต้านมากคือ #วิธีเพิกเฉย เนื่องจากเด็กๆต้องการทำบางสิ่งบางอย่างอาจจะดีหรือไม่ดีเด็กเค้าไม่รู้ แต่เค้าแค่ต้องการให้คนสนใจ พ่อแม่บางคนหลงกลลูก ไปสนใจลูกแต่ตอนเค้าทำไม่ดี เลยเกิดพฤติกรรมไม่ดีหนักมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เราต้องปวดหมองกัน

เราลองมาเรียนรู้วิธี #เพิกเฉย หรือ Ignore ลูกกันนะคะ ..บอกเลยว่า ทำยากแต่ทำได้แน่นอนค่ะ (เป็นเรื่องของใจล้วนๆ )
…..แต่ แต่ แต่ ก่อนที่จะลงโทษลูก หรือ เพิกเฉยลูก หมอเน้นย้ำนะคะ ว่า #ความสัมพันธ์ในครอบครัวต้องดีมาก่อน ไม่ใช่ ต่างคนต่างอยู่อยู่แล้ว การทำวิธีเพิกเฉยนี้ อาจจะแทบไม่เปลี่ยนแปลง
เลี้ยงลูก แบบ มีความสัมพันธ์ให้ดีทำยังไง ลองไปอ่านในโพสนี้ นะคะ https://www.facebook.com/334548503939610/posts/534084920652633/?d=n

⭐️ #เทคนิคเพิกเฉย
เทคนิคการเพิกเฉยขณะที่ลูกร้องไห้เอาแต่ใจ เป็นการ #เปิดโอกาสให้ลูกได้เรียนรู้การควบคุมตนเอง ไม่ใช่การทอดทิ้งลูก และเป็นโอกาสให้พ่อแม่เองได้สงบสติอารมณ์ตนเองด้วยเช่นกัน
…….การพยายามโอ๋ลูก ที่เราอาจเคยทำกันมานั้น ไม่ช่วยให้เด็กพัฒนาตนเอง และยังส่งผลเสียต่อพ่อแม่ เพราะเด็กจะมองไม่เห็นความชัดเจนของกติกาในบ้านหรือความเป็นผู้นำในตัวพ่อแม่
👩‍⚕️มาเริ่ม ฝึก #เทคนิคเพิกเฉย นี้กันเลย
✔️ขั้นที่ 1 #สงบสติอารมณ์ เริ่มจากตัวพ่อแม่เอง ต้องอารมณ์นิ่งก่อน (เทคนิคนี้ห้ามทำตอนเรามีอารมณ์ เพราะจะกลายเป็นเราทอดทิ้งลูก)
✔️ขั้นที่ 2 #มองหน้าลูก และพูดด้วยเสียงนิ่ง สีหน้าเรียบอย่างจริงจัง “แม่จะรอหนูเงียบ เราถึงจะคุยกัน” ( Kind but firm)
✔️ขั้นที่ 3 #เพิกเฉยลูก ทั้งคำพูด ท่าที สายตา ไม่พูดซ้ำว่าลูกวนไปมา
-ถ้าลูกยังไม่สงบกรี๊ดแต่พยายามเข้ามาให้กอดหรือให้อุ้ม พ่อแม่ควรลุกขึ้นยืนและหันไปทำอย่างอื่นแทน (แต่อย่ามีท่าทีทอดทิ้งลูกไป ต้องเป็นท่าทีว่าเรามีงานอื่นที่ต้องทำ )
-หากพ่อแม่เผลอ หรือหวั่นไหว ลูกจะจับไต๋ได้ ให้รีบเอาตัวเองออกจากตรงนั้นด้วยการทำงานง่ายๆ ใกล้ตัวแทน เช่น พับผ้า ล้างจาน
❗️กรณีที่ลูก #ทำร้ายตัวเองหรือ #ทำร้ายคนอื่น #ทำลายข้าวของ
……ให้หยุดเพิกเฉยชั่วคราว!! และหันกลับไปจับมือลูกแน่นๆ ประมาณ 10 วินาที และมองหน้าลูกพร้อมพูดด้วยเสียงเรียบนิ่งว่า “ไม่ตีแม่/ไม่โยนของ” แล้วแกะของออกจากมือ จากนั้นปล่อยมือลูกและเฝ้าดูอีกสักครู่ หากลูกลุกขึ้นมาตีหรือโยนของอีกให้ทำซ้ำแบบเดิมจนกว่าลูกจะหยุด แล้วให้กลับไปเพิกเฉยต่อ
✔️ขั้นที่ 4 #กลับไปหาลูก เมื่อลูกสงบ เพื่อแสดงให้ลูกเห็นว่า ลูกจะได้รับความสนใจก็เมื่อมีพฤติกรรมที่ดี เงียบ และจะถูกเพิกเฉยเมื่อมีพฤติกรรมร้องไห้เอาแต่ใจ โดยควรพูดกับลูกดังนี้
* “ชม” ให้ชมลูกแบบ #บรรยายพฤติกรรม เช่น “หนูเงียบแล้ว หนูเก่งค่ะลูก”
* “คุย” ถามลูกว่า “เมื่อกี้นี้เกิดอะไรขึ้น” เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกได้ทบทวนเรื่องราวด้วยตัวเองก่อน ซึ่งจะช่วยให้ลูกเข้าใจตัวเองได้ดีกว่าการรอคำสอนอย่างเดียว และยังเป็นการกระตุ้นความฉลาดด้านการเข้าใจตนเองของลูกไปด้วยในตัว
✔️ขั้นที่ 5 #ตบบวก เสริมแรงพฤติกรรมดี ด้วยการหากิจกรรมที่ลูกชอบ เช่น เล่านิทานให้ฟัง เล่นด้วยกัน เพื่อบอกให้ลูกรู้ว่า เค้าสงบได้ดีจึงได้ทำกิจกรรมที่ชอบ
……ไม่แนะนำให้เป็นสิ่งของ เพราะเด็กอาจเชื่อมโยงว่าหยุดร้องไห้แล้วจะได้ของ
📌อดทนไว้ก่อน
ช่วงเริ่มทำเทคนิคเพิกเฉยในครั้งแรก การร้องไห้จะรุนแรงขึ้นและยาวนานกว่าปกติที่ลูกเคยงอแง
แต่ไม่ต้องตกใจ เข้าใจผิด คิดว่าคุณพ่อคุณแม่ทำอะไรที่ไม่ถูกต้องหรือเปล่า เพราะลูกรู้สึกได้ว่าคุณพ่อคุณแม่ไม่ง่ายเหมือนเดิม จึงแสดงอาการมากขึ้นเพื่อเรียกร้องให้เรากลับไปตอบสนองเขาแบบเดิม ขอให้อดทนไว้ก่อน อย่าใจอ่อนง่ายๆ เพราะครั้งต่อๆ ไป อาการของเขาจะเบาลงเรื่อยๆ
“จงอย่ากลัวที่จะทำเพิกเฉยเมื่อลูกร้องไห้เอาแต่ใจ แต่จงกลัวที่จะเป็นยักษ์กับลูก เพราะการเพิกเฉยไม่ทิ้งผลข้างเคียงอะไรไว้กับลูก แต่หากตอบสนองลูกด้วยอารมณ์โกรธ ตวาด หรือดุลูกด้วยความรุนแรงก้าวร้าว ลูกจะรับความก้าวร้าวรุนแรงไว้ในหัวใจแบบเต็มๆ การเลี้ยงลูกที่มีภาวะดื้อและต่อต้านเป็นงานที่ท้าทายอย่างยิ่งสำหรับคุณพ่อคุณแม่ แต่เด็กก็จะสามารถดีขึ้นได้ หากได้รับการเลี้ยงดูอย่างเหมาะสมจากคนในครอบครัว ขอให้คุณพ่อคุณแม่ค้นให้พบและปรับเปลี่ยนวิธีการเลี้ยงดู อีกไม่นานเขาก็จะกลับมาเป็นเด็กดีให้คุณพ่อคุณแม่ได้ชื่นใจอย่างแน่นอน”

ขอขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก
https://www.samitivejhospitals.com/th/เทคนิคปราบลูกดื้อ/
โดยแพทย์หญิงเสาวภา พรจินดารักษ์

⭐️กฎเหล็ก สำคัญที่สุด ก่อนรับมือ กับอารมณ์ของลูก ต้องรับมือกับอารมณ์ตัวเองให้ได้ก่อนนะคะ บรัยยย์

#ด้วยรักจากหมอมะเหมี่ยว
แพทย์หญิงสุทธิชา อู่เงิน
กุมารแพทย์