🌈ควรเสริม #วิตามิน DHA ให้ลูกดีมั้ย ??
⭐️หลายๆ คน คงเคยได้ยิน เรื่อง สารอาหารบำรุง สมอง เช่น โอเมก้า (omega)
และตอนนี้ ในผลิตภัณฑ์อาหารต่างๆของเด็ก เช่น นม วิตามินต่างๆ มักใส่ omega ลงไปด้วย เพื่อ ดึงดูดให้เราเสียเงินซื้อ
…..ทับทิมและทับไทย ไม่ได้ทาน DHA เสริม เพราะ นมแม่ มีสารอาหารบำรุงสมองมากมายอยู่แล้ว และ ตัวแม่เอง กินอาหารครบห้าหมู่ (กินปลา 8-12 ออนซ์/สัปดาห์) และ #วิตามินบำรุงน้ำนม ที่มีตัว DHA อยู่แล้ว (แม่กินแทน😅)
…. จึงไม่หาซื้อกินเพิ่ม เนื่องจากมากไป อาจจะมีโทษมากกว่าประโยชน์
ก่อนซื้อวิตามินเสริม ควรดูว่า น้องกินนมอะไร …. ตอนนี้ นมผง บางแบรนด์ ก็มีสารอาหารบำรุงสมองอยู่แล้ว
ส่วนนมแม่มีชัวร์ …. ถ้าเริ่มทานอาหารแล้ว และกินอาหารครบห้าหมู่ ไม่จำเป็นต้องเสริมอีก นะคะ
(นมแม่ แม่ต้องกินให้ครบห้าหมู่ ไม่แน่ใจ ก็เสริมวิตามินทางแม่ , ถ้างดนู่นนี่เยอะๆ …ไม่โอเค)
ถ้าใครจะหามากิน ควรดู DHA ที่ได้ มาตรฐาน
มีสัญลักษณ์ NSF® International or USP provide third-party testing and certification for dietary supplements. Plus, the International Fish Oil Standards (IFOS) …..
ถ้า วิตามินไม่ได้ มาตรฐาน อาจจะเสี่ยง ปรอทสะสม จากตัว วิตามินได้ ค่ะ เพราะ ส่วนใหญ่เค้า สกัด DHA จากปลาทะเล
⭐️#น้ำมันปลา / #น้ำมันตับปลา สองตัวนี้ #ต่างกันนะคะ
ตรง ขบวนการสกัด
⭐️น้ำมันปลา (fish oil ) และน้ำมันตับปลา (cod liver oil) มีส่วนประกอบที่สำคัญ คือ โอเมก้า-3
ซึ่งเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่จำเป็นต่อร่างกาย #ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้
ได้แก่
✅ DHA -มีประโยชน์ต่อระบบบำรุงสมอง DHA เป็นส่วนประกอบหนึ่งของเนื้อเยื่อสมอง มีผลต่อหน้าที่การทำงานของสมองและการสร้างสารสื่อนำประสาทในสมอง
✅EPA- มีประโยชน์ต่อระบบ หลอดเลือดหัวใจ
❗️แต่สิ่งที่ต่างกัน คือ
👉น้ำมัน #ตับปลา จะมี วิตามิน A และ D เป็นส่วนประกอบอยู่ด้วย
👉 น้ำมันปลา จะไม่มีวิตามินทั้งสองชนิดเป็นส่วนประกอบ
⭐️น้ำมัน #ตับปลา (Cod Liver Oil) – เป็นน้ำมันที่ได้จาก #ตับปลาทะเล เป็นแหล่ง
✅วิตามินเอ ช่วยบำรุงผิวพรรณ
✅วิตามินดี ที่ช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่กระดูก
❗️หากรับประทานมากเกินขนาด อาจ #เกิดพิษจากการสะสมของวิตามินเอและดีซึ่งเป็นวิตามินที่ละลายในร่างกายส่วนที่เป็นไขมัน
⭐️#น้ำมันปลา มีกรดไมขัน (Fish oil) เป็นสารสกัดไขมันจาก #เนื้อ #หัว #หาง และ #หนังของ #ปลาทะเล (ปลาแซลมอน ปลาแมคคอเรล ปลาทูน่า)
⭐️ องค์การอนามัยโลกและหน่วยงานสาธารณสุขของหลายๆ ประเทศได้แนะนำขนาดการรับประทาน EPA + DHA ไว้ คือ
วันละ 300-500 มิลลิกรัม
สำหรับผู้ใหญ่สุขภาพดี ที่ไม่มีประวัติการเป็นโรคหรือความผิดปกติเกี่ยวกับหัวใจ
👩🦰ผู้หญิงตั้งครรภ์ และ ให้นมบุตร
❌ไม่ควรรับประทาน น้ำมัน #ตับปลา มากเกิน
(ไม่ควรบริโภค vitamin A มากกว่า 3000 mcg
และ vitamin D มากกว่า 100 mcg )
👶🏻ส่วนขนาดการรับประทานสำหรับเด็กเล็กนั้นยัง #ไม่มีคำแนะนำที่ชัดเจนระบุไว้
❗️ผลข้างเคียง จากการรับประทานน้ำมันปลาและน้ำมันตับปลา ได้แก่
1. ความเสี่ยงในการเกิด #เลือดออกเพิ่มขึ้น เนื่องจากสาร omega-3 ในน้ำมันปลาและน้ำมันตับปลามีคุณสมบัติในการต้านการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือดและทำให้เลือดหยุดไหลช้าลงได้
……..ดังนั้นอาจต้องระมัดระวังการรับประทานน้ำมันปลาหรือน้ำมันตับปลาในผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดเลือดออก เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ที่ดื่มสุรามากๆ ผู้ที่มีแผลในกระเพาะอาหาร หรือผู้ที่รับประทานยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน หรือ วอร์ฟาริน (warfarin)
2. การรับประทานน้ำมัน #ตับปลา ในปริมาณมากๆ อาจเสี่ยงต่อการได้รับพิษจากวิตามิน A และ D ได้
3. ความดันโลหิตต่ำลง ต้องระมัดระวังในการรับประทานน้ำมันปลาหรือน้ำมันตับปลาสำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำ
4. คลื่นไส้ ปวดท้อง ท้องเสีย รุนแรงของอาการจะขึ้นกับขนาดของการรับประทานน้ำมันปลา วิธีแก้ไข คือ รับประทานหลังอาหารทันทีและเริ่มรับประทานน้ำมันปลาในขนาดต่ำๆ ก่อน
❗️คุณพ่อคุณแม่รู้มั้ยคะ ว่า เรา #ไม่ได้จำเป็นต้องซื้อวิตามินเป็นขวดๆ มาให้ลูกกิน
แค่ เราทำอาหาร #ครบห้าหมู่ให้ ลูก
โดยเลือก ของดีมีประโยชน์ มาให้ลูกรับประทาน นั่นคือ ดีที่สุดค่ะ …คือ เลือกวัตถุดิบ อาหารที่มีสารอาหารจำเป็น แบบหลากหลาย ไม่ได้ให้กินซ้ำๆ เช่น กินปลาวนไป ก็ไม่ดีนะจ้ะ 😂 …..
เช่น อยากได้ omega ก็ทำเมนูปลา /ใส่น้ำมัน …ในอาหาร
อยากได้ธาตุเหล็กก็ให้ลูกกินตับ/เลือด/เนื้อแดง/ไข่แดง
อยากได้ โคลีน (วิตามินบี) บำรุงสมอง ก็ให้ลูกกินผัก/ไข่แดง
🌈แนะนำแหล่ง อาหารที่มี #โอเมก้า
เพราะ Omega-3 (Alpha-linolenic acid)
#จำเป็นต้องรับจากการบริโภคอาหารเท่านั้น❗️
⭐️omega -3 มี สามชนิด คือ
✅ alpha-linolenic acid, (ALA) พบใน #น้ำมันพืช เช่น น้ำมันรำข้าว น้ำมันคาโนล่า น้ำมันถั่วเหลือง
✅eicosapentaenoic acid (EPA) พบใน #น้ำมันสัตว์ (พวกปลาทะเล ที่มีไขมันเยอะ เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาเทราซ์ )
✅docosahexaenoic acid (DHA) พบใน #น้ำมันสัตว์ (พวกปลาทะเล ที่มีไขมันเยอะ เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาเทราซ์ )
👩⚕️พวกวิตามินเป็นขวดๆ เหมาะสำหรับ บางบ้านที่ลูกกินยาก กำลังปรัปพฤติกรรมการกินอยู่ …… น้ำหนักน้อย เด็กมีภาวะขาดสารอาหาร หรือวิตามิน
😍แนะนำ ปรึกษา กุมารแพทย์ ก่อนซื้อวิตามินให้ลูกทานนะคะ กินวิตามินเยอะไปก็มีโทษ ได้นะคะ
เช่น เลือดออกง่าย ตับอักเสบ
อ้างอิงข้อมูลจาก https://www.nccih.nih.gov/…/things-to-know-about-omega…
7 Things to Know about Omega-3 Fatty Acids
อ้างอิงข้อมูล จาก น้ำมันตับปลา Cod Liver Oil
https://medlineplus.gov/druginfo/natural/1040.html
อ้างอิงข้อมูลจาก หน่วยคลังข้อมูลยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล https://pharmacy.mahidol.ac.th/dic/qa_full.php?id=1998